Wednesday, 10 July 2013

นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ดัชนีหุ้นสิ้นปี 56 เป็น 1,569 จุด

« หุ้นลงตั้งหลักรับมือชะลอ QE | Main | ปัจจัยลบตบเท้ามาแล้ว »

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุน ครึ่งหลังปี 2556   โดยนายสมบัติ  นราวุฒิชัย เลขาธิการ เปิดเผยว่า ความวิตกเรื่องเศรษฐกิจจีน และการเตรียมลดและเลิก QE ของสหรัฐ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ ปลายปี 56 เฉลี่ยเหลือ 1,569 จุด  ส่วนทางด้านปัจจัยบวกสำคัญมาจากการประเมินว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังจะขยายตัวดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

         ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 56 ที่เฉลี่ย 4.6%  ในขณะที่คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น EPS Growth) ปี 56 จะเติบโตเฉลี่ย 20.0%  ราคาทองคำสิ้นปี 56 จะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 18,157 บาทต่อบาททองคำ และคาดว่านักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศจะซื้อสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556  รวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท          

          มีสำนักวิจัยจากบริษัทหลักทรัพย์แสดงความเห็น 19 แห่ง และบริษัทโกลด์ฟิวเจอร์ส 2 แห่ง รวม 21 แห่ง ได้ผลสำรวจดังนี้    

1.  คาดการณ์เกี่ยวกับการชะลอและเตรียมยกเลิกมาตรการ QE ของสหรัฐ
จะเริ่มลดวงเงิน QE ในช่วง   มีผู้ตอบรวม 18 แห่ง)ผู้ตอบ %)      
กันยายน 5650
ตุลาคม 5628
ธันวาคม 5611
มกราคม 5711
จำนวนเงินเริ่มลดครั้งแรกจาก 85,000 ล้านดอลลาร์ เหลือ เฉลี่ย)62,813 ล้านดอลลาร์
 
จะยุติการใช้ QE ทั้งหมด 85,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงใด  มีผู้ตอบรวม 17 แห่ง)ผู้ตอบรวม %)
ปี 57     -  มีนาคม 6
            -    มิถุนายน53
            -    มิถุนายน – กันยายน6
            -    ครึ่งหลังของปี6
            -    กรกฎาคม6
            -    ธันวาคม12
            -    ไม่ระบุช่วงเดือน6
ปี 58     -  กรกฎาคม6

รวม

100

 

        2. สมมติฐานหลักที่นักวิเคราะห์ใช้ในการวิเคราะห์เศรษฐกิจ
และการลงทุนช่วงครึ่งหลังปี 2556 – ปี 2557

 

ปัจจัย บวก   (มีผู้ตอบรวม 19 แห่ง)ผู้ตอบ (%)      
1) ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวดี

74

2) มีสองปัจจัยคือ เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว (โดยเฉพาะสหรัฐฯ) และ เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวดีในปี 56-57 (จากโครงการลงทุนของภาครัฐ)

ปัจจัยละ 68

3)  ต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทย

58

  
ปัจจัย ลบ   (มีผู้ตอบรวม 20 แห่ง)ผู้ตอบ (%)      
1)  ปัญหาเศรษฐกิจของจีน (เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย)

89

2)  การชะลอ/เลิก QE ของสหรัฐ (คาดกระทบมากในระยะสั้น)

85

3)    ความเสี่ยงทางการเมืองไทย (เช่น พรบ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ, การคอร์รัปชั่นในโครงการจำนำข้าว, ปัญหาจากนโยบายประชานิยม ฯลฯ)

79

3.    คาดการณ์การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศ  สถาบันในประเทศ                       และพอร์ตโบรกเกอร์ ในช่วงเดือน ก.ค.- ธ.ค.56 และปี 57

 

ประเภทของนักลงทุน

คาดการณ์การซื้อขายสุทธิ เฉลี่ย

กค.- ธค.56

ปี 57

นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ     5,636 ล้านบาทซื้อสุทธิ   24,200 ล้านบาท
นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ    17,000 ล้านบาทซื้อสุทธิ   31,000 ล้านบาท
พอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ  3,389) ล้านบาทซื้อสุทธิ     2,444 ล้านบาท

รวม

       19,247 ล้านบาท

     57,644 ล้านบาท

 

   4. ตารางตัวเลขคาดการณ์ที่สำคัญ ปี 2556 และ ปี 2557 

  

 

5. คาดการณ์ EPS Growth (%) และ Dividend Yield (%) ปี 2556 และ ปี 2557 แยกตามกลุ่มธุรกิจ เฉพาะบล.)

 

กลุ่มธุรกิจ

ปี 2556

ปี 2557

EPS Growth  %)  ค่าเฉลี่ย)

Dividend Yield (%)  ค่าเฉลี่ย)

EPS Growth (%)  ค่าเฉลี่ย)

Dividend Yield (%)  ค่าเฉลี่ย)

สำรวจ ณ 28 มีค.56

สำรวจ ณ 10 กค.56

สำรวจ  ณ 28 มีค.56

สำรวจ ณ 10 กค.56

สำรวจ  ณ 28 มีค.56

สำรวจ ณ 10 กค.56

สำรวจ  ณ 28 มีค.56

สำรวจ ณ 10 กค.56

พลังงาน12.4110.793.984.288.407.064.194.37
ปิโตรเคมี9.349.764.044.859.357.834.364.73
ธนาคาร24.8425.172.813.2114.3513.403.133.56
สื่อสาร20.4324.094.745.6716.7620.115.154.84
วัสดุก่อสร้าง37.4137.093.664.0820.9217.504.124.14
อสังหาฯ33.4235.633.244.8311.989.463.584.16
ชิ้นส่วนอิเล็กฯ11.1115.914.345.8210.435.584.465.49
อาหาร8.146.663.364.5818.2526.543.954.26

 

อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของกลุ่มธุรกิจสำคัญ ในปี 2556 และ ปี 2557

   
  - ปี 2556  กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงที่สุดสามอันดับแรก คือ

1. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง             คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่                37.09 %

2. กลุ่มอสังหาฯ                        เติบโตเป็นอันดับสองที่เฉลี่ย          35.63 %  

3. กลุ่มธนาคาร                        เติบโตเป็นอันดับสามที่เฉลี่ย          25.17 %  

- ปี 2557  กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงที่สุดสามอันดับแรก คือ

1. กลุ่มอาหาร                        คาดเติบโตเฉลี่ย            26.54 %  

2. กลุ่มสื่อสาร                        เติบโตเป็นอันดับสามที่เฉลี่ย          20.11 %

3. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง               เติบโตที่เฉลี่ย                           17.50 % 

อัตราผลตอบแทนเงินปันผล  ( Dividend Yield ) ของกลุ่มธุรกิจสำคัญ ในปี 2556 และปี 2557


  - ปี 2556   นักวิเคราะห์ประเมินอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่สุดสามอันดับแรก คือ 

1. กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์   คาดไว้ที่           5.82 %

2. กลุ่มสื่อสาร ประเมินอัตราผลตอบแทนไว้ที่        5.67 %

3. กลุ่มปิโตรเคมี และอสังหาฯ คาดว่าอยู่ที่          4.85 % และ 4.83 % ตามลำดับ 

- ปี 2557   นักวิเคราะห์ประเมินอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่สุดสามอันดับแรก คือ 

1. กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์          คาดไว้ที่          5.49 %

2. กลุ่มสื่อสาร   ประเมินอัตราผลตอบแทนไว้ที่        4.84 %

3. กลุ่มปิโตรเคมี  คาดว่าอยู่ที่    4.73 %

 

6. คำแนะนำในการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ  ได้ค่าเฉลี่ยดังนี้

 

สินทรัพย์ลงทุน

สัดส่วนการลงทุน %)

สำรวจ ณ 28 มีค.56

สำรวจ ณ 10 กค.56

หุ้นสามัญหรือกองทุนหุ้นในประเทศ

40

32

หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ

12

18

ทองคำและโกลด์ฟิวเจอร์ส

10

7

ตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้

22

18

เงินสดและเงินฝาก

15

21

อื่น ๆ ได้แก่ กองทุนอสังหาฯ สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ

1

4

รวม

100

100

 

คำแนะนำแก่นักลงทุน

-        ศึกษาข้อมูลพื้นฐานก่อนตัดสินใจลงทุน พิจารณาโอกาสและความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ติดตามข่าวสารของทั้งปัจจัยภายนอกประเทศและปัจจัยภายในประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง  เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
-        รอจังหวะตลาดอ่อนตัว เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงสม่ำเสมอ  ได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐ และมี PER ไม่สูง โดยทยอยสะสมแบบค่อยเป็นค่อยไป และทยอยขายเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวขึ้น
-        ใช้ความระมัดระวังให้มาก เนื่องจากตลาดมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกประเทศ
-        ไม่หวั่นไหวตามความผันผวนของตลาด  มีวินัยในการลงทุน และกำหนดจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน 

หุ้นแนะนำ  เรียงตามลำดับตัวอักษร) 

 

หุ้นเด่นหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัยได้แก่  AOT, INTUCH, KBANK, KTB, PTTEP  เป็นต้น
  
หุ้นเต็มมูลค่า/  
เกินมูลค่า
หุ้นที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งเห็นว่าราคาเต็มมูลค่า หรือเกินมูลค่าแล้ว ได้แก่ หุ้นในหมวดพลังงานรายหนึ่ง และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายหนึ่ง  เป็นต้น

            มหกรรมวิเคราะห์หลักทรัพย์และการลงทุน

วันศุกร์ที่ 2 และวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2556 เวลา 10.00-19.00 น. ณ หอประชุม ศ.สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเชิญเข้าร่วมสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานมหกรรมวิเคราะห์ฯ  โทร.02-229-2355-6, 02-229-2329 รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก http://portal.settrade.com/StaticPage/other/th/saa.jpg


แหล่งข้อมูล...สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โทร. 02-229-2329, 02-229-2355-6 อีเมล์ jirawan@saa-thai.org

 

[Trackback URL for this entry]

Your comment:

(not displayed)
Code:
 
 
 

Live Comment Preview:

 
« July »
SunMonTueWedThuFriSat
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031