Friday, 17 June 2011
รู้ก่อนเลือก
« ประเภทของหุ้น | Main | SAA Survey ครั้งที่ 2/2554 »หุ้นตกรอบนี้ ผมสังเกตว่ามีปฏิกิริยาจากหลายๆ ฝ่าย และก็เป็นปฏิกิริยาหลายๆ แบบแตกต่างกันไปแล้วแต่สถานะเดิมของพอร์ตลงทุน ตลอดจนแนวคิดที่ต่างกัน
- กลุ่มต่างชาติ สถานะเดิมเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทยมาตั้งแต่ 15 มิ.ย.53 (เริ่มที่ดัชนี SET 780 จุด นับถึงจุด Peak ของการซื้อ 28 เม.ย.54 รวมซื้อมา 10 เดือนเศษ รวมสะสม 135,360 ล้านบาท เฉลี่ยดัชนีต้นทุนน่าจะแถวๆ 965 จุด ยังไม่นับรวมผลกำไรจากค่าเงินที่แข็งขึ้นจาก 32.40 บาท มาเป็น 30.50 บาท/ดอลลาร์ สรอ. ถ้าคำนวณส่วนนี้ช่วย ต้นทุนหุ้นที่ซื้อมาก็เสมือนต่ำกว่า 965 อีกราว 55 จุด)
ถือได้ว่า กลุ่มนี้ซัดเข้าไปเต็มที่ จึงมีการเริ่มขายกำไรนับจากดัชนี 1,100 จุดลงมาต้อนรับการที่กลุ่มอื่นแห่เข้าไล่ซื้อหุ้นช่วงก่อนเลือกตั้ง รวมแล้วขายมา 37,214 ล้านบาท (27% ของยอดที่ซื้อสะสมเข้าไป) ยังเหลืออีกร่วม 1 แสนล้านบาทที่ถืออยู่
กลุ่มนี้แข่งกันออกบทวิจัยยกปัจจัยลบทั้งปัญหาการเมืองที่อาจมีการปัญหาหลังเลือกตั้ง หากไม่ได้ตั้งรัฐบาลดั่งใจ รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐอาจถดถอยอีกวาระหนึ่ง ผูกโยงไปถึงความเสี่ยงในการแก้ไขหนี้ของกรีซ กับการแก้ไขเพดานหนี้ของสหรัฐเองที่หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติก็คงได้ขายหน้าผิดนัดชำระหนี้กันแน่
ท่าทีล่าสุดกลุ่มต่างชาติยังมีท่าทีขายออกมาได้อีกจากกระสุนที่มีอีกเยอะ แต่ผมไม่ได้หมายถึงว่าต้องขายออกมาอีก 73% ที่เหลือของ Port เพราะดูแล้วพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแรงอยู่ เพียงแต่คงมีขายอีกสักระยะหนึ่ง
- กลุ่มสถาบันไทย ซึ่งประกอบรวมๆ กันทั้งโครงการหน่วยลงทุนของ บลจ., กบข. พอร์ตบริษัทประกัน พอร์ตธนาคาร เป็นต้น
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับที่ต่างชาติ Net ซื้อสะสมมา 10 เดือน กลุ่มสถาบันไทยก็มีสถานะขายสะสมออกไปประมาณ 31,000 ล้านบาท ใครสักหลายๆ คนคงมีเงินอยู่มากพอประมาณที่เคยขายเงินนั้น อาจอยู่ในตลาดพันธบัตร ซึ่งทุกวันนี้ Bond Yield ชนิด 5 ปี อยู่ที่ 3.58% ถ้าเป็นหุ้นกู้ภาคเอกชน Rating ดี 5 ปี น่าจะได้ประมาณ 4%
ทุกวันนี้ Dividend Yield ของหุ้น 50 ตัว ใน SET 50 คาดการณ์ 1 ปีข้างหน้า อยู่ที่ 3.80% (ดูได้จาก SAA Consensus ของสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ www.saa-thai.org) ผมคิดว่าถ้าหุ้นลงสัก 5% เป็น 970 จุด ตัวคาดการณ์ Dividend ปี 54 น่าจะเพิ่มเป็น 4.0% ถ้า Yield ของหุ้นกู้เอกชนไม่ขยับขึ้นไปอีก คาดว่ากลุ่มสถาบันไทย น่าจะมีท่าทีซื้อสะสมหุ้นเข้ามาช่วยประคองตลาดหุ้นครับ
- กลุ่มนักลงทุนไทย กลุ่มนี้น่าจะแยกเป็นหลายก๊ก ถ้าเป็นก๊กที่เคยมั่นใจสุดขีด แทงเข้าไปเต็มที่ตอนหุ้นขึ้น ยิ่งขึ้นยิ่งแทงไม่เคยลดพอร์ต กลุ่มนี้มีความอึดอัด และถ้าหุ้นกระเด้ง Rebound บ้าง ก็กลายเป็นมาทยอยขายดักลด Port แถวๆ แนวต้านทางเทคนิคที่รายย่อยนิยมดูกัน เหมือน 2 วันก่อนที่หุ้นไทยดีดกลับไป 1,035 จุด เจอเส้น 10 วันลงมาเป็นแนวต้าน วันนั้นรายย่อยไทยตั้งขายเพียบเลยครับ
แต่รายย่อยยังมีก๊กอื่นๆ ที่แตกต่างกัน คือก๊กที่เคยระมัดระวัง ทยอยขายทำกำไรช่วงที่หุ้นขึ้น จนมีหุ้นไม่มากนัก ช่วงก่อนตอนหุ้นไม่ตก อาจรู้สึกเซ็งนิดๆ ที่กำไรไม่เต็มกอบเต็มกำ แต่ช่วงนี้มีเงินเหลือเพียบ กลุ่มนี้สนใจอยากช้อนหุ้นพื้นฐานดี หรือซื้อ LTF ยามที่หุ้นลง จึงมีกลุ่มนี้มาทยอย Bid รับซื้อจากต่างชาติที่ทุบลงมา
ผมเชื่อว่าเงินฝั่งคนไทยมีเยอะ เพราะช่วงที่ต่างชาติ Net ซื้อสะสม 10 เดือนที่ว่านั้น รายย่อยทุกคนรวมกัน Net ขายสะสมไป ประมาณ 107,000 ล้านบาท แล้วก็เพิ่งช้อนซื้อไป 6 สัปดาห์นี้ ประมาณ 37,000 ล้านบาท ยังมีเหลืออีก 70,000 ล้านบาท จึงหวังว่าเวลาต่างชาติขาย แม้หุ้นไทยจะตกบ้าง แต่คงไม่ลงถล่มทลาย เพราะมีแรงประคองจากคุณๆ ผู้ลงทุนรายย่อยอยู่เยอะ
- กลุ่มนักวิเคราะห์ นักวิเคราะห์นั้น ถ้าแบ่งสายงานแบบกว้างๆ ก็จะมีกลุ่มนักวิเคราะห์ (แนวโน้ม) ทางเทคนิค กับนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- กลุ่มนักวิเคราะห์ทางเทคนิค ส่วนใหญ่ช่วงนี้จะมองว่า หุ้นที่ดีดกลับ 2-3 วันก่อนเป็นแค่การกระเด้งชั่วคราว แล้วจะลงต่อ ทั้งนี้ เครื่องไม้เครื่องมือทางเทคนิคส่อสัญญาณไม่ดี เช่น การที่ตกจากเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน 25 วัน 75 วันก็แล้ว ตอนนี้เหลือก็แต่เส้น 200 วัน ให้พึ่งใบบุญลุ้นให้กระเด้งขึ้นจากระดับ 1,000 จุด ถึง 1,010 จุด เมื่อสัปดาห์ก่อน หากหลุดระดับ 1,000 จุดไปเมื่อใด ก็คงยาวลงไปถึง 980 จุด (ส่วนกรณีหลุด 980 จุดอีก ก็มีแนวรับถัดไปที่ 950 จุด)
นอกจากนั้นในแง่มุมที่ดูแบบ Dow Theory นั้น SET Index ก็เรียงตัวทำ Top เตี้ยลงมาต่อเนื่องจาก 1,109 จุด, 1,102 จุด, 1,076 จุด และล่าสุด 1,034 จุด โดยมีจุดต่ำสุดลงต่ำมาด้วยกัน ยังไม่มีสถานการณ์สร้าง Top สูงกว่าลูกที่แล้วให้เห็น บรรดาสาวกเทคนิคจึงยังไม่อาจกระตุ้นความอยากเข้าซื้อได้ คงรอดูสัญญาณสักพัก
- กลุ่มนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กลุ่มนี้ยังมีความมั่นใจให้ทยอยซื้อแบบสะสมของ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะก่อนหน้านี้เคยแนะนำให้มีหุ้นน้อยลงตอนที่หุ้นขึ้น ข้อมูลสำคัญๆ ที่พอสรุปได้จากข้อมูลวิเคราะห์พื้นฐานก็คือ
- ทำใจหน่อยว่าขณะนี้เป็นวงจรขาลง ต่างชาติมีโอกาสขายอีก
- พื้นฐานทางธุรกิจไทยแข็งแรงและดูดี แม้อาจมีปัญหาที่ยุโรป หรือแม้แต่ผลตั้งรัฐบาลไม่ถูกใจกลุ่มใด
- นักวิเคราะห์พื้นฐานให้มูลค่าหุ้นไว้ขณะนี้ค่อนข้างดี
พบกันใหม่เดือนหน้าครับ
SAA Forum สัมมนาดีๆ จากสมาคมนักวิเคราะห์ฯ (มีค่าสัมมนา) ได้แก่
- วิเคราะห์ธุรกิจผ่านงบการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่บังคับใช้ในปี 2554 วันที่ 2 ก.ย.54
- รู้ลึกคู่มือจรรยาบรรณวิชาชีพการวิเคราะห์และการลงทุนฉบับใหม่ วันที่ 21 ก.ย.54 เหมาะกับนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่การตลาด บล., IR และผู้บริหาร
ดูรายละเอียดได้ที่ www.saa-thai.org หรือ โทร.02-229-2355-6
น่าสนใจครับ
ขอบคุณครับ