Monday, 29 July 2013
ปัจจัยลบตบเท้ามาแล้ว
« นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ดัชนีหุ้นสิ้นปี 56 เป็น 1,569 จุด | Main | ช่วงชุลมุนและปรับคาดการณ์ »พบกันเดือนละครั้งศุกร์ที่ 3 หรือ 4 ของเดือนเช่นเคยนะครับ
1 เดือนที่ผ่านมา SET Index ผันผวนสวิงขึ้นลง โดยตกจาก 1,400 จุดไป 2 รอบต่ำสุดที่ 1,338 จุด จากนั้น จากการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC ประจำวันที่ 18-19 มิ.ย.) ทำให้ตลาดการเงินคาดการณ์ใหม่ว่า การทยอยปรับลด QE ของ FED จะยืดเวลาของบันไดขั้นแรกไปที่ปลายปีนี้ (จากเดิมที่คาดไว้ที่ ก.ย.นี้) ทำให้ SET Index โดดขึ้นพ้น 1,400 จุด และไปเรื่อยๆ จนแตะเส้น 75 วันที่ 1,519 จุด
หลักฐานชิ้นนี้เป็นสิ่งยืนยันความเชื่อเดิมที่ว่า QE เป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนราคาหุ้นในช่วงหลังๆ โดยมีพลังไม่น้อยไปกว่าปัจจัยความแข็งแรงทางเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัท
การ Rebound กลับจาก 1,338 จุดมาถึง 1,519 จุดนั้น เท่ากับการฟื้นตัวมากกว่าครึ่งทางแล้ว ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับคาดการณ์ใหม่ของเรื่องยืดเวลาปรับลด QE
ถัดจากนี้น่าจะเป็นหน้าที่ของปัจจัยพื้นฐานและจิตวิทยาอื่นๆ ไปสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีความคืบหน้าหรือคาดการณ์ใหม่เกี่ยวกับ QE ที่จะปรับลดแถวธันวาหรือไม่ และจะลดบันไดขั้นแรกจาก 85,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนเหลือเท่าใด
สำหรับปัจจัยในเรื่องอื่นที่น่าจะมีบทบาทนั้น ได้แก่
1. การปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ต้นเดือนก.ค.สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ปรับลดไปที่ 4.6% ถัดมา 19 ก.ค. แบงค์ชาติปรับลดแซงลงไปที่ 4.2% วานนี้ 25 ก.ค. ศูนย์วิจัยฯ ไทยพาณิชย์แซงลงไปที่ 4.0%
แม้จะเป็นคนละองค์กร แต่สถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงทั้งด้านส่งออก การบริโภคในประเทศ การลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนครบทุกด้าน ทำให้ดูคล้ายกับใครที่ทบทวนทีหลังตัวเลขก็ต่ำลงมาเป็นลำดับ
ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น ในยุคที่ยังไม่มี QE ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ กับทิศทางหุ้น
นี่ถือเป็นปัจจัยลบเรื่องแรก
2. การเมืองต้องชำเลืองมองแล้ว หลังจากอยู่สบายๆ กับการเมืองมา 2 ปี ขณะนี้ดูเหมือนจะเริ่มร้อนระอุขึ้นมา เมื่อ 2 วันก่อน (24 ก.ค.) ข่าววิปรัฐบาลเห็นชอบให้นำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา 7 ส.ค.นี้
ผมสังเกตว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตลาดหุ้นเริ่มสะดุ้งไหลลงจากระดับ 1,519 จุด แถวเส้น 75 วัน ลงมา 2 วัน จนถึง 1,481 จุด ขณะที่ปิดต้นฉบับคอลัมน์นี้
ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ ในสภา ไม่ว่าจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ พ.ร.บ.กู้เงินซึ่งซัดกันเฉพาะ สส. 2 ฝ่าย ผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลอะไรในช่วงปีนี้
แต่กรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เกรงว่ามีผู้แสดงปฏิกิริยาบวกและลบในวงกว้างกว่า
ดังนั้น แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากการยืดเวลา QE การที่ บจ.มีผลดำเนินงานที่โต 20% ในปีนี้ ผมก็คาดว่า ดัชนีหุ้นที่ 1,520 จนถึง 1,569 จุด ซึ่งเป็นคาดการณ์ดัชนีสิ้นปีนี้ของนักวิเคราะห์ น่าจะเป็นบริเวณที่ราคาหุ้นระยะสั้นต้องเขย่าพักตัวบ้างด้วยปัจจัยลบข้างต้น ซึ่งหากหุ้นเหวี่ยงลงต่ำกว่าเป้า 1,569 จุด สัก 5-7% คือแถวๆ 1,490-1,460 จุด ก็ดูน่าจะยุติธรรมดี
บรรดาหมวดธุรกิจที่คุณผู้อ่านน่าจะไปทำการบ้านด้วยการดูบทวิจัยหรือศึกษาเองก็ตามคือ หมวดสื่อสารรายที่เป็นผู้นำตลาด ซึ่งผมมองว่าเป็นสินค้าที่ผู้คนหลงไหล (ไม่ใช่ปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต แต่ขาดไม่ได้แม้แต่ชั่วโมงเดียว)
หมวดต่อมาคือ หมวดที่โยง กับการที่เศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซนเริ่มฟื้นไข้และยังไม่ค่อยได้ขึ้นคือ กลุ่มพลังงาน ซึ่งลองเลือกจากบทวิเคราะห์ดูนะครับ
บทวิเคราะห์นั้น หากอยากได้จากหลายสำนัก โดยเฉพาะสำนักที่ไม่ค่อยหาดูได้ ผมเชิญชวนให้มางานมหกรรมวิเคราะห์หลักทรัพย์ฯ ในวันศุกร์ที่ 2 และเสาร์ที่ 3 ส.ค. ค่าสัมมนา 200 บาทพร้อมรับ “คู่มือลงทุน” ของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ ที่รวบรวมจากนักวิเคราะห์ถ้วยรางวัลยอดเยี่ยม และสำนักวิจัยชื่อดัง 24 สำนัก ทองคำดัชนีอีก 5 สำนัก ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ หอประชุม ศ.สังเวียนฯ ชั้น 3 ครับ
วิทยากรดังเกือบ 20 คน เช่น คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร, ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ, คุณมนตรี ศรไพศาล, ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, คุณภรณี ทองเย็น, คุณกวี ชูกิจเกษม, คุณสุกิจ อุดมศิริกุล, คุณวิวัฒน์ เตชะพูลผล, นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ, คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์
ผมเองพูดวันเสาร์ที่ 2 ส.ค.กับคุณพิชัย เลิศสุพงศ์กิจครับ
นอกจากนั้นก็ยังมี คุณอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล, คุณชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ, คุณเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล, คุณถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย และคุณกิตติ ชีวะเกตุ
[Trackback URL for this entry]