Friday, 19 April 2013
โอกาสทอง...จริงหรือ
« ไซปรัส...ซัดหุ้นป่วน | Main | เทคนิคการใช้ Technical Analysis »ที่จริงนั้น ราคาทองคำในตลาดโลก ก็ทำท่าลุ่มๆ ดอนๆ มาตั้งแต่ทำจุดสูงสุดเอาไว้ที่ 1,920 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนด์เมื่อกันยายน 2554
ตลอด 1 ปีครึ่งมาจนถึงมีนาคม 2556 ทองคำในตลาดโลกก็วนเวียนขึ้นลง 1,520 จนถึง 1,750 (โดยประมาณ) มาแล้ว 3 รอบ
เป็นที่ทราบกันดีว่า สำหรับประชาชนคนไทยนั้น นิยมเข้าช้อนซื้อช่วงที่ทองคำถลาลงมา ซึ่งก็ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จดีตลอด 12 ปีที่ทองคำเป็นช่วงวัฎจักรขาขึ้น
รวมทั้งการช้อนซื้อตลอด 1 ปีครึ่งที่ผ่านมาด้วย
กระทั่งช่วงก่อนวันสงกรานต์หนึ่งวัน มีข่าวว่าไซปรัสประเทศหนึ่งในยูโรโซนกำลังเตรียมขายทองคำสำรองส่วนเกินออกมาราว 400 ล้านยูโร (523 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ราคาทองคำในตลาดโลกจึงพุ่งหลาวดำดิ่งชิงหนีก่อนไซปรัสจะดำเนินการ
ผลก็คือ ราคาทองคำพุ่งหล่นจาก 1,500 เหรียญแบบไม่มีเยื่อใยและไม่เสียเวลาร่ำลาสักคำ
ช่วงหยุดสงกรานต์ไทยระหว่างที่เราไปสาดน้ำ ทองคำในตลาดโลกก็ถูกสาดทิ้งลงมาที่ 1,350 เหรียญสหรัฐโดยประมาณ
เมื่อเปิดทำการหลังสงกรานต์ไทย สมาคมค้าทองคำ (ไทย) ประกาศราคาทองในประเทศที่ประมาณ 18,900 บาทต่อบาททองคำ ร่วงลงจาก 21,350 ณ วันก่อนสงกรานต์
และเป็นไปตามคาด ประชาชนไทยจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งหน้าเข้าสู่ร้านค้าทองเพื่อช้อนซื้อทองกันเนืองแน่นจนเป็นข่าวในสื่อทุกประเภท
ไม่ว่าผลลัพธ์ท้ายที่สุด การช้อนซื้อครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ทุกๆ คนคงเริ่มรับรู้แล้วว่า ราคาทองคำก็มีความเสี่ยงและผันผวนรุนแรง
วันนี้ผมในฐานะนักวิเคราะห์ รวมทั้งเป็นคนหนึ่งที่จดจำวัฎจักรราคาทองคำในรอบก่อนได้ เมื่อครั้งที่ราคาประมาณ 5,000 บาทและราคาไม่ไปไหนอยู่ร่วม 10 ปี ขอนำข้อมูลบางส่วนเพื่อเป็นวัตถุดิบให้ท่านผู้อ่านนำไปคิดต่อเล่นๆ ดังนี้
1. กลยุทธ์ช้อนซื้อเมื่อราคาลงแรงนั้น ใช้ได้ผลเสมอในวัฎจักรแนวโน้มขาขึ้น และแนวโน้มผันผวนไปด้านข้าง (Sideways)
แต่ถ้าหากกลายเป็นวัฎจักรขาลงระยะยาว การช้อนซื้อระหว่างทางขาลงที่ยังไม่สุดก็มีโอกาสเจ็บตัวหนัก
2. ย้อนดูจากสถิติในอดีตนั้น วัฎจักรขาขึ้นรอบปี 2513 ถึง 2523 กินเวลาขึ้น 10 ปี จากราคา 35 เหรียญสหรัฐไปสูงสุดที่ 835 เหรียญ
จากนั้นปรับตัวลงช่วงแรกจาก 835 เหรียญลงไป 2 ปีครึ่ง ราคาเหลือ 300 เหรียญ (ลง 64%) มีแรงเด้งโต้คืนเป็นจังหวะแรงๆ เช่นจาก 450 ไป 700 และจาก 300 ไป 500 แต่ท้ายที่สุดไปต่ำสุดจริงๆ ที่ 250 เหรียญในกลางปี 2542
ถ้าช้อนถูกจังหวะก็ได้กำไรเยอะ ถ้าช้อนผิดราคาก็ลึกเร็วครับ
3. ทองคำนั้นตีมูลค่าด้วยทฤษฎีวิเคราะห์การเงินแบบหุ้นหรือพันธบัตรไม่ได้ เพราะไม่มีปันผลหรือดอกเบี้ย หรือตัวเลขประกอบธุรกิจอะไร ราคาตลาดจึงถูกกะเก็งด้วยการอ่านใจ จากข่าวเศรษฐกิจรวมทั้งท่าทีว่าองค์กรใหญ่ๆ จะซื้อหรือขายทอง หรือใช้การวิเคราะห์กราฟราคา (สมาคมนักวิเคราะห์ฯ เตรียมเปิดหลักสูตรเทคนิค รอฟังข่าว 2-3 เดือนนี้)
หวังว่าคุณผู้อ่านจะชั่งน้ำหนักโอกาสกับความเสี่ยงแล้วตัดสินใจอย่างถูกต้อง
ขอให้โชคดี พบกันใหม่เดือนหน้าครับ
[Trackback URL for this entry]
ขอบคุณมากครับ