Wednesday, 2 May 2018
ลดต้นทุน หนุนกลยุทธ์ ด้วยบริการวางมาริจิ้นด้วยหุ้น
Main | Classic สไตล์พ่อลูกอ่อน Long Term Defensive Plus »ลดต้นทุน หนุนกลยุทธ์ ด้วยบริการวางมาริจิ้นด้วยหุ้น
เดิมผู้ลงทุนที่สนใจซื้อขาย Futures และ Options ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) จะต้องวางหลักประกันหรือมาร์จิ้นเป็นเงินสดเพียงอย่างเดียว ซึ่งได้แก่ เงินสดสกุลบาท (THB) เงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD) เงินสดสกุลยูโร (EUR) หรือเงินสดสกุลเยนญี่ปุ่น (JPY) ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2561 เป็นต้นมาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) และสำนักหักบัญชี (TCH) ได้เปิดให้บริการที่เรียกว่า Non-Cash Collateral โดยอนุญาตให้ผู้ลงทุนสามารถนำหุ้นมาวางเป็นมาร์จิ้น ซึ่งต้องบอกว่าบริการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถช่วยให้ผู้ลงทุนมีความคล่องตัวในการบริหารพอร์ตลงทุน เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ช่วยลดต้นทุนในการซื้อขาย และเสริมประสิทธิภาพการลงทุนสร้างสรรค์กลยุทธ์ในการซื้อขายได้หลากหลายยิ่งขึ้น
ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักไม่ได้สร้างผลตอบแทนจากการซื้อขาย Futures และ Options ใน TFEX เพียงอย่างเดียว โดยมากจะมีการลงทุนในหุ้นควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นเงินทุนสำหรับใช้ในการสร้างผลตอบแทนก็จะต้องถูกแยกออกไปใช้สำหรับ 2 ตลาดด้วยเช่นเดียวกัน บริการวางมาร์จิ้นในการซื้อขาย Futures และ Options TFEX ด้วยหุ้นจะช่วยให้ผู้ลงทุนมีสภาพคล่องด้านเงินลงทุนมากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้หุ้นที่ซื้อเพื่อถือลงทุนอยู่มาวางเป็นมาร์จิ้นในการซื้อขาย TFEX ได้ โดยไม่ต้องขายหุ้นทิ้งเพื่อแปลงเป็นเงินสด ผู้ลงทุนจึงคงยังรักษาโอกาสในการลงทุนในหุ้นตัวนั้น ๆ ได้อยู่ต่อไป
ในมุมมองด้านต้นทุนในการลงทุนที่ลดลง การที่ผู้ลงทุนสามารถนำทรัพย์สินที่เป็นหุ้นที่มีการซื้อลงทุนอยู่แล้ว มาวางเป็นมาร์จิ้นในการซื้อขาย Futures และ Options ใน TFEX ช่วยลดความต้องการใช้เงินสดในฝั่งของการซื้อขายใน TFEX ซึ่งผู้ลงทุนสามารถนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ หรือช่วยลดยอดกู้ยืมเงินเพื่อนำมาซื้อหุ้นได้ ส่งผลให้ต้นทุนในการลงทุนของพอร์ทโดยรวมลดลงได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่สนใจใช้บริการวางมาร์จิ้นในการซื้อขาย Futures และ Options ใน TFEX ด้วยหุ้น มีเงื่อนไขที่ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ เบื้องต้นดังนี้
1. ผู้ลงทุนยังต้องเตรียมเงินสดส่วนหนึ่งสำหรับเป็นมาร์จิ้นด้วย เนื่องจากมีข้อกำหนดว่า ในขั้นตอนการส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อเปิดสัญญาใหม่จะต้องใช้มาร์จิ้นในส่วนที่เป็นเงินสด ไม่สามารถใช้ในส่วนของหุ้นได้ โดยหุ้นสามารถนำมาใช้เป็นมาร์จิ้นในส่วนของสัญญาที่เปิดไปแล้วเท่านั้น และผลขาดทุนที่เกิดขึ้นของทั้งสัญญาที่ปิดไปแล้วและยังไม่ปิด (Realized & Unrealized Loss) จะต้องชำระในรูปของเงินสดด้วยเช่นเดียวกัน
2. หุ้นบางตัวก็ไม่รับวางเป็นมาร์จิ้น ในช่วงแรกของการให้บริการ TCH ได้กำหนดให้หุ้นที่เป็นสินค้าอ้างอิงของ Single Stock Futures เท่านั้นที่สามารถมาวางเป็นหลักประกันได้ แต่อย่างไรก็ตามการให้บริการของแต่ละโบรกเกอร์สามารถจำกัดรายชื่อหุ้นที่อนุญาตให้มาวางเป็นมาร์จิ้นได้น้อยกว่าจำนวนหุ้นที่ TCH กำหนด ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์ในการบริหารความเสี่ยง
3. หุ้นที่มาวางจะถูก Haircut เนื่องจากราคาหุ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงของการอนุญาตให้เอาหุ้นมาวางเป็นมาร์จิ้น TCH จะมีการปรับลดมูลค่าของหุ้น (Haircut) ที่มาวางตามความเสี่ยงของแต่ละหุ้น เช่น หุ้นในกลุ่ม SET50 จะถูกปรับมูลค่าลดลง 17% หุ้นนอก SET50 แต่อยู่ใน SET100 จะปรับถูกลดมูลค่าลง 28% หุ้นในกลุ่มดัชนี sSET จะถูกปรับมูลค่าลง 44% ที่เหลือหุ้นอื่น ๆ จะถูกปรับลดมูลค่าลง 50% อย่างไรก็ตามหุ้นที่สามารถนำมาวางเป็นมาร์จิ้นได้ และอัตรา Haircut จะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์ด้วย ซึ่งอาจมีการปรับลดมูลค่ามากกว่าเงื่อนไขของ TCH
4. อาจถูกให้นำหุ้นตัวอื่นมาวางเป็นมาร์จิ้นแทน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพคล่องของหุ้นแต่และตัว TCH อาจมีการปรับเพิ่มหรือลดจำนวนหุ้นสูงสุดที่ TCH จะรับจากนักลงทุนทุกคนรวมกัน (Concentration Limit) ซึ่งในกรณีที่ TCH มีการปรับลดจำนวนหุ้นที่จะรับเป็นมาร์จิ้น ผู้ลงทุนบางรายอาจถูกเลือกเป็นผู้ที่ต้องนำทรัพย์สินอื่นมาวางเป็นมาร์จิ้นแทนหุ้นที่ถูกปรับลดจำนวนนั้น หรือในกรณีที่หุ้นตัวนั้น ๆ มีการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้น เช่น จ่ายปันผล เป็นต้น ผู้ที่วางหุ้นเหล่านั้นก็ควรถอนหุ้นที่จะให้สิทธิประโยชน์ออกแล้วนำหุ้นตัวใหม่ไปวางเป็นมาร์จิ้นแทน เนื่องจากหากวางหุ้นดังกล่าวเป็นมาร์จิ้นผ่านวันที่จะไม่ได้รับสิทธิ เช่น วัน XD ไปแล้ว กระบวนการส่งคืนผลประโยชน์อาจผู้ลงทุนอาจจะได้รับผลประโยชน์คืนไม่เท่ากับการถือหุ้นเหล่านั้นภายใต้ชื่อของตัวเอง หรือต้องเสียสิทธิบางอย่างไป
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับการให้บริการที่โบรเกอร์ต่าง ๆ สามารถกำหนดให้แตกต่างกันได้ดังนั้น ก่อนการใช้บริการวางมาร์จิ้นด้วยหุ้นผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจกับลักษณะและเงื่อนไขการให้บริการ เพื่อให้การวางแผนบริหารพอร์ตและเงินลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่นและตรงกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้
[Trackback URL for this entry]