Friday, 22 January 2021
การนำ Free-Float ของหุ้นมาใช้คำนวณดัชนี SET50
« เรื่องไม่ควรมองข้ามในการเริ่มต้นอนุพันธ์ | Main | VIX หรือ VIX Curve ควรดูอันไหนดี »จากการที่ทางตลาดหลักทรัพย์ได้มีการเตรียมทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณดัชนีในตลาดหุ้นไทยนั้นซึ่งน่าจะรวมถึงดัชนี SET50 ด้วยจากเดิมที่เป็นแบบ Full Market Capitalization เป็นแบบ Free Float Adjusted Market Capitalization ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการเปลี่ยนน้ำหนักหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 นั้นมีมากน้อยขนาดไหนยังไม่ชัดเจนมาก อาจจะต้องรอข้อมูลจากทางตลาดหลักทรัพย์ที่ชัดเจนก่อนที่จะสรุปได้ แต่เราสามารถศึกษาหลักการคร่าวๆผ่านดัชนีหุ้นไทยที่จัดทำโดยสถาบันจัดทำดัชนีระดับสากล และเป็นที่นิยมใช้อ้างอิงกันสำหรับนักลงทุนต่างประเทศนั่นก็คือMSCI Thailand
ดัชนี MSCI Thailand ที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆและคอยติดตามกันว่าหุ้นไทยตัวไหนถูกปรับเข้าและปรับออก และตามมาด้วยการเก็งกำไรของหุ้นตัวนั้นๆ ดัชนี MSCI Thailand เป็นดัชนีที่สะท้อนหุ้นขนาดใหญ่ในไทยเทียบเคียงกับดัชนี SET50 แต่ต่างกันที่ MSCI Thailand ใช้หลักการ Free Float Adjusted Market Cap มาคำนวณถ่วงน้ำหนักด้วย ทำให้หุ้นบางตัวที่ถึงแม้จะะมีขนาดมาร์เกตแคปที่ใหญ่แต่ถ้ามี Free Float น้อยก็จะมีน้ำหนักต่อดัชนีลดลง ในรูปจะแสดงอันดับหุ้น 10 ตัวแรกเรียงตามน้ำหนักในดัชนี MSCI Thailand เปรียบเทียบกับดัชนี SET50 ที่มีการถ่วงน้ำหนักด้วยมาร์เกตแคปเท่านั้น สังเกตว่าเมื่อนำ Free Float เข้ามาคิดทำให้อันดับของหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนีทั้ง 2 ต่างกันค่อนข้างมาก ยกตัวอย่างเช่น หุ้นอันดับ 2 ของ MSCI Thailand เป็น CPALL ขณะที่หุ้นอันดับ 2 ของ SET50 เป็น AOT ส่วนหุ้น DELTA ที่นักลงทุนพูดถึงกันเยอะก็จะมีอันดับที่แตกต่างกันค่อนข้างมากใน 2 ดัชนี
นอกจาก MSCI แล้วก็ยังมี FTSE ที่จัดทำดัชนีหุ้น FTSE SET Large Cap โดยมีการปรับน้ำหนักหุ้นด้วย Free-Float เช่นกันโดยมีการกำหนดแบ่งช่วงของ Free Float เป็นช่วงๆเพื่อกำหนดน้ำหนักในดัชนีดังรูปตัวอย่าง นักลงทุนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว๊ปไซด์ตลาดหลักทรัพย์ https://www.set.or.th/th/products/index/files/20101111_FTSE_SET_revised.pdf
การนำ Free-Float Adjusted มาใช้ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ไม่ควรด่วนสรุปว่าดีกว่า Full Market Cap ที่ใช้กับ SET50 ในปัจจุบัน เพราะข้อดีที่สำคัญของ SET50 คือสามารถสะท้อนหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทยได้อย่างแท้จริงมากกว่า ดังนั้นไม่ว่าใช้วิธีไหนก็แล้วแต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งจำเป็นต้องมีการศึกษาอย่างถี่ถ้วนและหาหลักเกณฑ์ที่สมดุลของข้อดีข้อเสียของทั้ง 2 แบบ
[Trackback URL for this entry]