Monday, 7 March 2016
หน้าตาที่เปลี่ยนไปของ Market Capitalization
« เริ่มต้นสร้างพอร์ทการลงทุนด้วย ASEAN Stars | Main | Algo Trading มันคืออะไรกันนะ »Market Capitalization (Market Cap) คือมูลค่าตลาดโดยรวมของหุ้น ซึ่งคำนวณโดยการเอาราคาปิดของหุ้นคูณกับปริมาณของหุ้นที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบัน SET มี Market Cap ของหุ้นสามัญทุกตัวรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 13 ล้านล้านบาท โดยที่ Market Cap นี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของตลาด การเพิ่มทุน และ IPO ที่ทยอยมีเข้ามาเรื่อยๆ

จาก Market Cap รวมของ SET เราควรแบ่งตัวเลขออกมาเป็นราย Sector เพื่อวิเคราะห์ถึงแนวโน้มในภาพรวมของเศรษฐกิจว่ากลุ่มธุรกิจใดมีความสำคัญบ้าง ซึ่งกลุ่มพลังงาน (ENERG) และกลุ่มธนาคาร (BANK) เป็น Sector ที่ใหญ่ที่สุดมาโดยตลอด ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่อ SET Index เนื่องจาก SET Index มีการคำนวณโดยถ่วงน้ำหนักตาม Market Cap
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำหนักของ ENERG นั้นลดลงตามไปด้วย เมื่อเราเปรียบเทียบข้อมูลล่าสุด (3 มีนาคม 2016) กับข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2007 เราจะพบว่าน้ำหนักของ ENERG ลดลงจาก 35% เหลือ 16% ในขณะที่ BANK มีน้ำหนักที่ค่อนข้างคงที่ ส่วน Sector อื่นๆ มีการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม COMM, TRANS, FOOD และ HELTH ส่งผลให้น้ำหนักของ Market Cap ทั้งตลาดมีความสมดุลมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน สังเกตได้จากรูปด้านล่างซึ่ง Chart ทางด้านขวามีความสมดุลมากกว่า Chart ทางด้านซ้ายอย่างเห็นได้ชัด

ความสมดุลในน้ำหนักของ Market Cap จะส่งผลให้ความผันผวนของ SET Index ลดลง และทำให้การลงทุนในกลยุทธ์ที่เกาะกับ SET Index มีความน่าสนใจมากกว่าเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านทางหุ้นสามัญ, ETF หรือกองทุนรวม เนื่องจาก Passive Portfolio ของเรานี้จะมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้นนั่นเอง
[Trackback URL for this entry]
ใช่ครับคุณ Wittaya ผมต้องการชี้ว่า Pie Chart ด้านขวามีการกระจายความเสี่ยงที่ดีกว่าด้านซ้าย เป็นผลมาจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปของ Market Cap บ้านเรา แต่อาจไม่ใช่ Portfolio ที่อยู่บน Efficient Frontier
คราวหน้าผมจะสร้าง Portfolio ที่อยู่บน Efficient Frontier ตามที่คุณ Wittaya เสนอมามาให้ทุกท่านดูกันนะครับ
ใครอยากดูผลแบบไหน บอกมาได้เลยครับ ขอบคุณครับ
การกระจายความเสี่ยงที่ดีคือ สัดส่วนการลงทุนที่อยู่บนเส้น efficient frontier ดังนั้น การที่กราฟวงกลมทางขวาบอกว่าสัดส่วนเริ่มจะเท่าๆกันนั้น อาจจะไม่ได้อยู่บนเส้น efficient frontier ก็ได้ ซึ่งส่งผลให้ไม่เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีได้
ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Quant finance น่าจะคำนวณออกมาได้ไม่ยากครับ