Thursday, 6 July 2017
นักขุด Bitcoin เขาทำอะไรกันนะ
« FinTech Trip @Singapore | Main | GameStop ดราม่าหรือแค่เรื่องธรรมดาของตลาด »ใครจะเชื่อว่า Bitcoin ที่เคยอยู่ไกลตัวเรามาก ตอนนี้จะเข้ามาวนเวียนใกล้เรามากขึ้นเรื่อย ๆ จนล่าสุดเริ่มได้ยินว่า Bitcoin แพงกว่าทองคำ และเราเริ่มได้ยินเพื่อนพูดถึงอาชีพ “นักขุด Bitcoin” พร้อมกับปรากฏการณ์การ์ดจอขาดตลาด เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวข้องกันอย่างไรนะ??? (ถ้าอยากรู้ว่ากระแสแรงแค่ไหน ให้ลอง Google แค่คำว่า “ขุด” ดูครับ)
Bitcoin (BTC) ถือเป็น Crypto Currency ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งมีมูลค่ารวมทั่วโลกประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท! (เกินครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินไทยในปี 2560) เนื่องจาก Supply ของ Bitcoin มีการเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด และกำหนดให้มีอัตราการเพิ่มขึ้นที่ช้าลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ Demand สำหรับการถือครองและการใช้ Bitcoin มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระแสการเก็งกำไรใน Bitcoin ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin ในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และมีความผันผวนสูงมากเช่นกัน คำถามคือ ถ้าเราต้องการมี Bitcoin เราจะต้องทำอย่างไร
วิธีการแรกคือนำเงินไปซื้อ Bitcoin มาเก็บไว้ เหมือนกับการนำเงินบาทไปแลกเปลี่ยนเป็นอีกสกุลหนึ่ง โดยหวังว่าราคา Bitcoin จะสูงขึ้นทำให้เราได้กำไรจากการขาย Bitcoin ส่วนวิธีที่สองคือการขุด Bitcoin หรือ Bitcoin Mining โดยที่การขุด Bitcoin นี้คือการใช้ Hardware และ Software ในการแก้สมการทางคณิตศาสตร์เพื่อช่วยยืนยันการทำธุรกรรมของ Bitcoin ในระบบที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ซึ่งระบบถูกออกแบบมาให้รางวัลกับผู้ที่ช่วยแก้สมการดังกล่าวได้สำเร็จ โดยการให้ Bitcoin เป็นสิ่งตอบแทน
ในยุคแรกของการขุด Bitcoin ที่มีจำนวนคนขุดน้อย เราสามารถใช้ Computer ปกติในการขุดได้อย่างสบาย ต่อมาเมื่อมีคนนิยมขุดมากขึ้น Computer ธรรมดาเริ่มจะขุดไม่ไหว เพราะสมการที่ต้องแก้มีความยากมากขึ้น นักขุดจึงเริ่มใช้ Computer ที่มีการ์ดจอแรง ๆ ในการขุด จนพัฒนามาใช้ Computer ประกอบพิเศษแบบที่ใส่การ์ดจอหลาย ๆ ตัว ที่เรียกว่า Mining Rig (เนื่องจากการ์ดจอ หรือ GPU: Graphics Processing Unit มีความสามารถในการทำงานซ้ำ ๆ เพื่อขุด Bitcoin ได้ดีกว่า CPU: Central Processing Unit ซึ่งต้องทำหลายหน้าที่) ในเวลาต่อมา ผลตอบแทนที่ได้จากการขุด Bitcoin ยั่วยวนให้นักขุด Bitcoin เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับใช้ Hardware ที่มีประสิทธิภาพในการขุดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขุด Bitcoin จึงทำได้ยากขึ้นมาก จนในที่สุด Mining Rig ก็ไม่สามารถใช้ขุด Bitcoin ได้คุ้มกับค่าไฟที่ต้องเสีย เนื่องจากมี Hardware ที่เก่งกว่า นั่นคือ ASIC Miner (ASIC: Application Specific Integrated Circuit) ซึ่งออกแบบมาให้ทำหน้าที่ขุด Bitcoin โดยเฉพาะ … อ้าว … ถ้าการ์ดจอใช้ขุด Bitcoin ได้ไม่คุ้ม แล้วทำไมการ์ดจอยังขาดตลาดอยู่ แถมงาน Commart ที่เพิ่งผ่านมา คนก็แย่งกันซื้อราวกับแจกฟรี?
สาเหตุคือ Bitcoin ไม่ได้เป็น Crypto Currency เพียงตัวเดียว คนที่ลงทุนซื้อ Mining Rig ในช่วงนี้ไม่ได้ใช้สำหรับขุด Bitcoin แต่ใช้ในการขุด Crypto Currency ตัวอื่นแทน เช่น Ethereum และ Litecoin เป็นต้น โดยที่ส่วนมากจะช่่วยกันขุดในรูปแบบของ Mining Pool เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอกว่าการแยกกันขุด ในส่วนของ Internet นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วที่สูงมาก แต่ต้องเป็น Internet ที่มีความเสถียรสูง
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนขุด Crypto Currency สิ่งที่ต้องคิดให้หนักคือ ค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อ Hardware หลักหมื่นหลักแสน และค่าไฟที่ต้องจ่ายทุกเดือนนั้น จะคุ้มกับมูลค่าของ Crypto Currency ที่ได้มาหรือไม่ โดยที่หลาย Website จะช่วยประเมินให้ว่า Hardware ที่เราสนใจจะซื้อนั้น สามารถขุด Crypto Currency แต่ละตัวได้มากแค่ไหนและมีมูลค่าเท่าไหร่ ดังนั้น เราจึงสามารถคำนวณจุดคุ้มทุนได้ว่า ลงทุนไปกี่เดือนถึงจะเริ่มคุ้มทุนและได้กำไร อีกข้อที่ต้องคิดคือ ถ้าวันหนึ่งเราขุดได้ไม่คุ้มกับค่าไฟที่ต้องเสียเนื่องจากมีคู่แข่งมาแย่งขุดมากขึ้น ถ้าเราจำเป็นต้องหยุดขุดแล้ว เราจะทำอย่างไรกับ Hardware ที่เอามาประกอบ Mining Rig หรือเราจะขายแล้วเหลือเงินเท่าไหร่
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” ประโยคนี้ไม่ได้ใช้กับหุ้นหรือกองทุนเพียงอย่างเดียว การลงทุนขุด Bitcoin ก็เช่นกัน โปรดช่วยกันหาข้อมูลให้มาก ๆ ก่อนริลงทุนขุด Bitcoin นะครับ …
[Trackback URL for this entry]